รูปที่จะส่งไปขายต้องแต่งทุกรูปเลยหรือเปล่าครับ

[หมูน้อย]

สวัสดีครับ มือใหม่นะครับ

อยากจะถามว่ารูปที่จะส่งไปขายต้องแต่งทุกรูปเลยหรือเปล่าครับ หรือว่าไม่ต้องแต่งก็ได้
พอดีเป็นมือใหม่ ถ่ายออกมาแล้วแสงไม่ค่อยได้อ่ะครับ

[bulldogza]

ส่วนใหญ่ของผมจะแต่งนะครับ

แต่ที่ istockphoto รู้สึกเข้าจะไม่ชอบให้แต่เท่าไหร่ แต่ที่อื่นๆ ทุกรูปที่ผมส่งไปแต่งหมดเลยครับ

[tung]

ของผมแต่งทุกรูปครับ

[zirconicusso]

ผมตกแต่งเรียกว่าถ่ายร้อยแต่งร้อยเลย แต่ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่พอดีนะครับ

[greenphile]

แต่งทุกรูป เพราะยังไงๆก็วัดแสงผิดทุกรูป อิอิ

[nuttakit]

ถ้าจะให้ตอบคำถามนี้ ต้องเล่ากันไปไกลเลยครับ ถ้าอยากให้เข้าใจ

เมื่อก่อน ถ้าเราถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม เอาเป็นว่าชาวบ้านธรรมดาๆ อย่างเราๆ ท่านๆ ถ่ายละกัน แล้วพอเอาไปล้าง รูปออกมาสวยจิ๊ดดดด เลย โอเคครับ ผมว่าฝีมือส่วนหนึ่ง โชคก็นิดนึง แต่ที่แลป นี่ 100% เลยครับ เค้าปรับแต่งให้เรา แต่เราไม่รู้ครับ บางคนก็เอามาโม้ ว่า "รู้นี้ไม่ได้ปรับแต่งเลยนะเนี่ยะ" อะไรทำนองนี้

ถอยไปไกลอีกหน่อย การถ่ายรูปขาวดำ เราต้องล้างเอง อัดเอง มีน้อยถึงน้อยมาก ที่ถ่ายมาแล้ว ล้างธรรมดาๆ แล้ว อัดรูปโดยการฉายแสงครั้งเดียว แล้วได้รูปดีเลย นะครับ

เริ่มแต่ล้างฟิล์ม ก็มีการเพิ่มเวลา ลดเวลา เพื่อควบคุมคอนทราสของเนื้อฟิล์ม (อันนี้เปรียบฟิล์มเหมือนไฟล์ Raw เทคนิคการล้างฟิล์มเปรียบเหมือนการปรับไฟล์ Raw)

พอได้ฟิล์มมาแล้ว ก็ต้องอัดรูปลงบนกระดาษด้วยการฉายแสง ก็จะมีเทคนิคต่างๆ มากมายอีก ดอดจ์ เบิรน์ และเทคนิคอีกร้อยแปดพันเก้า และนี่ก็คือโฟโต้ช๊อพในปัจจุบัน ทั้งหมดทั้งมวล ถ้าเรียกแล้วก็เรียกว่า การปรับแต่งรูป

ทุกรูปที่เรียกว่าระดับขั้นเทพ แม้แต่ของแอนเซิล อาดัมส์ ก็หนีไม่พ้นขั้นตอนต่างๆ ที่ว่ามานี้

ผมเลิกพูดเรื่อง "แต่ง" กับ "ไม่แต่ง" รูปมานานแล้วครับ ถือว่า เป็นความสุขของใครก็ของมัน อยากแต่งก็แต่ง แต่งแล้วสวย แล้วเจ้าของผลงานชอบ ก็แต่งไป ไม่ชอบแต่ง แต่งแล้วไม่ฝีมือ ก็ไม่ต้องไปแต่งมัน ก็ภูมิใจกันไป

แต่ถ้าคนเข้าใจข้อจำกัดต่างๆ ของการถ่ายรูปจริงๆ แล้ว เค้าจะมองซีนที่ถ่าย และพิจารณา ขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่เริ่มถ่าย ไปจวบจนจบกระบวนการออกมาเป็นผลงาน ว่า เค้าจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อทำลายข้อจำกัดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้กับรูปนั้นๆ

อนึ่ง การจัดไฟ เพิ่มรีเฟล็กซ์ สำหรับผม ก็คือการแต่งรูปอย่างหนึ่งเหมือนกัน

หวังว่าคงได้ประโยชน์กันนะครับ ไม่ได้มายืนยันว่าต้องแต่ง และก็ไม่ได้ห้ามว่าไม่ต้องแต่ง ตามแต่ท่านจะชอบละกันครับ(ขี้เกียจเถียง หะหะ)

[nuttakit]

เอาระดับขวัญใจของผมไปดูสักคนก่อนนะครับ

[tung]

ตอบได้ชัดเจนเลยครับ

[bulldogza]

โห พี่นัท ถอยไปไกลจริงๆๆ

[สุระ นวลประดิษฐ์]

เห็นด้วยกับคุณนัฏครับ ผมเพิ่งอ่านข้อเขียนของคุณภูวพงษ์ ผจญอริพ่าย นักถ่ายภาพรุ่นเก๋า
ท่านบอกประมาณว่า ใช้ไปเถอะโปรแกรมตกแต่งภาพ ดีแค่ไหนแล้วที่เราทำเองได้
สมัยก่อนรุ่นใช้ฟิล์ม โดยเฉพาะรุ่นภาพขาวดำ ใครทำเองไม่เป็น
เวลาต้องการได้ภาพที่พิเศษ ขาวมากหน่อย ดำมากหน่อย เผาตรงโน้น บังตรงนี้ ฯลฯ
ต้องไปง้อช่างแทบเป็นแทบตาย ช่างฝีมือดี ๆ ก็ไม่ค่อยมาก
เพราะฉะนั้น จริง ๆ แล้วการแต่งภาพนี้มันก็มีมาทุกยุคทุกสมัย แล้วแต่ว่าจะแต่งด้วยเครื่องมือหรือเทคนิคแบบไหนเท่านั้นเอง

ป.ล.ตอบผู้ตั้งกระทู้นะครับ ว่าของผมเอง ก็แต่งทุกภาพเลยครับ แล้วแต่จะมากจะน้อย
เพราะว่าผมถ่ายมาเป็นแบบ RAW ถ้าถ่ายมาแล้วไม่แต่ง Export ออกไปดื้อ ๆ มันจะจืดสนิท
และคงขายไม่ออกแน่ ๆ ครับแม้ว่าคุณภาพภายในจะดีเยี่ยม แต่ดูภายนอกคงไม่ดึงดูดสายตาสักเท่าไหร่

อีกอย่าง อุปกรณ์ผมไม่ค่อยโปร การตกแต่งภาพสักเล็กน้อย ก็ช่วยให้คุณภาพโดยรวมดีขึ้นได้พอสมควรครับ

[MR.LIGHTMAN]

การถ่ายภาพคือกระบวนการทั้งหมดครับ ตั้งแต่ต้นจนจบ จะทำหรือควบคุมกี่ขั้นตอนอยู่ที่ช่างภาพเป็นผู้กำหนด
สุดท้ายแล้วก็ได้ชิ้นงานที่เป็นทัศนะศิลป์ที่มีคุณค่าอยู่ในตัวมันเอง การแต่งภาพก็เป็นส่วนภาคหนึ่ง รวมอยู่ในกระบวนการถ่ายภาพครับ

[CySpk]

.. แค่กดชัตเตอร์ เซ็นเซอร์ของกล้องก็ทำการแต่งให้เราแล้วขั้นนึง ..

[Surachai]

ผมใช้ lightroom กับ photoshop ต้องโยกเข้าโปรแกรมไปมา เสียเวลามากเลย
ใครมีวิธีจัดการกับไฟล์ภาพถ่าย ที่ต้องผ่าน 2 โปรแกรมนี้ จากไฟล์ raw จนถึงขั้นส่ง micro stock
ที่รวบรัดประหยัดเวลาบ้างครับ ขอคำแนะนำหน่อยครับ

[chinagirl]

ชของบลูก็ขั้นตอนเยอะนะคะ แถมของบลูมี dpp เพอ่มมาอีกตัว สำหรับแต่ง raw ก่อนแล้วค่อยแปลงเป้น tiff ตรงนี้ถ้าเป้นรุปคน บลูก็จะใช้ PS แต่งผิว สกินโทน ลบโลโก้อะไรให้จบก่อน หรือถ้าเป้นพวกวัตถุอาจมีตัดใส่ฉากขาวบาง หรือมีลบโลโก้ออก แต่พวกแต่งสี แต่งคอนทราสบลูจะจบตั้งแต่ที่ dpp แล้ว ส่วน LR นี่บลูใช้แค่จัดระเบียบรูป กับจัดการ key อะไรพวกนี้ แล้วส่งเลย ยังไงเรื่องการใช้หลายโปรแกรมคงเป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยากอ่ะค่ะ

[bulldogza]

ผมว่าเลี่ยงไม่ได้หรอกครับ

ถ้าต้องการรูปที่ดีก็ต้องยอมเสียเวลากันหน่อย

photoshop อาจจะแต่งรูปได้ในโปรแกรมเดียว แต่เรื่อง keyword ยังไงก็ต้องเข้า LR ครับ

[Surachai]

ผมคงถามไม่เคลียร์ เอาใหม่....
ยกตัวอย่างที่ผมทำอยู่ประจำ จากเมมโมรี่การ์ด ผมโหลดเข้าคอม (external hard drive)
ด้วยโปรแกรม lightroom เพราะภาพจะได้ถูกจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ หลังจากนั้นเข้าเน็ต พี่ยูริ
เพื่อหา keyword และแต่งภาพเบื้องต้น (ตำราอาจารย์สุระ เป๊ะ ๆ ) ใส่ชื่อภาพ (title)
แล้ว export เตรียมส่ง stock
ทีนี้ภาพบางภาพต้องจัดการเพิ่มใน photoshop เช่นไดคัต
วิธีที่ดีก็คือแต่งจากไฟล์ raw ตัดแต่งเสร็จภาพที่ได้จะไม่มี keyword กับ title
เพราะยังไม่ผ่านโปรแกรม lightroom
ต้องย้อนขบวนการหา keyword กันอีก 1 รอบ
นี่แหละครับที่อยากถาม.... ว่า
ใครมีวิธีจัดการที่รวบรัดกว่านี้ ดีกว่านี้ เร็วกว่านี้
ไม่ซ้ำซ้อนอย่างนี้บ้าง ช่วยแนะนำหน่อยครับ

[MR.LIGHTMAN]

ใช้คำสั่งโยนภาพผ่านจาก lightrom ไป photoshop
Photo>Edit in Adobe Photoshop หรือ command E

เวลาไดคัตหลังจากคัตภาพเสร็จ อย่าใช้วิธิเปิด file ใหม่แล้ว copy ภาพที่คัตแล้วไปแปะ ถ้าทำแบบนี้ keyword ข้อมูลจะหายครับ
ให้ใช้ไฟล์เดิมที่เปิดมาไดคัต ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ layer ต้นฉบับเพื่อปลดล็อคเลเยอร์
จากนั้น open new layer > fill background white 100% แล้วลากเลเยอร์ที่ไดคัตแล้วไปไว้ข้างบน เลื่อนองค์ประกอบให้เสร็จ แล้วรวมเลเยอร์เข้าด้วยกัน

ง่ายกว่านั้น ให้ใช้ไฟล์เดิมที่ไดคัตเสร็จแล้ว Flatten image เลยพื้นก็จะเป็นสีขาว 100% keyword ข้อมูลจะอยู่ครบครับ

ลองดูก่อนนะครับ

[สุระ นวลประดิษฐ์]

ถ้าครูเปา Import ภาพทั้งหมดเข้าใน Lightroom แล้ว
ทำการปรับแต่เบื้องต้น ใส่คีย์เวิร์ด ใส่ไตเติ้ลตามปกติ ภาพไหนที่ต้องการจะแก้ไขในโฟโต้ช็อป
ครูเปาก็คลิกขวาบนภาพนั้น (ที่อยู่ใน Lightroom นั่นแหละครับ) แล้วก็เลือก Edit in >>> Edit in photoshop CS...
แล้วก็คลิก OK รอสักครู่ มันก็จะโหลดภาพนั้นไปอยู่ในโปรแกรมโฟโต้ช็อปโดยอัตโนมัติ
เราก็เข้าไปตัดต่อตามต้องการ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ใช้คำสั่ง Save ในโฟโต้ช็อป (อย่าใช้ Save As... นะครับ)
ภาพที่แก้ไขแล้วก็จะถูกเซฟกลับเข้ามาใน Lightroom เป็นไฟล์ชื่อเดียวกับไฟล์ RAW เดิม แต่จะเป็นชนิด Tiff อยู่ข้าง ๆ กัน
ค่าต่าง ๆ เช่น คีย์เวิร์ด ไตเติ้ล ก็จะอยู่ครบเหมือนตอนส่งไปครับ เวลาเรา Export ก็เลือก Export ไฟล์ Tiff

แต่มีข้อแม้ว่า ครูเปาต้องใช้ Photoshop CS3 กับ Lightroom ไม่เกิน 2.6 ร่วมกันนะครับ

ส่วน Lightroom 3 กับ Photoshop CS5 นั้น ผมไม่แน่ใจว่า ทำงานร่วมกันได้ในฟังก์ชั่นนี้หรือเปล่า
แต่เคยลอง LR 2.6 กับ CS4 แล้วทำงานในฟังก์ชั่นนี้ไม่ได้ ผมก็เลยยังต้องใช้ CS3 เหมือนเดิมครับ

ไม่รู้ตอบตรบคำถามหรือเปล่านะครับ ถ้าไม่ตรงขออภัย

[nuttakit]

ของผมโหลดมาแล้ว ยังไม่ใส่ข้อมูลครับ โม raw file เรียบร้อยแล้ว คอนเวอร์ทไป PS แล้วก็ปรับแต่งจนหนำใจ
ปรับแต่งเรียบร้อย ก็ เซฟเป็น jpg ไว้ในโฟลเดอร์แยกต่างหาก ทำหมดแล้ว ค่อยมานั่งใส่รายละเอียดครับ

วุ่นกว่าเก่าไม๊เนี่ยะ?

[MR.LIGHTMAN]

Lightroom 3 ถ้าใช้กับ CS5 เราสามารถ save เป็น jpeg สำหรับส่งได้เลยด้วยครับ แถม save ไปไว้ที่ folder ไหนก็ได้
มันจะมาอัพขึ้นที่ lightroom อยู่ข้างๆ RAW กํบ TIFF ให้เลยครับ

[Surachai]

ขอบคุณ ทั้งสามท่านกับวิธีการดีๆครับ แต่ผมใช้ Lr 2.6 กับ Ps cs 4
แล้วไม่รู้เป็นไงนับวัน Lr ของผมก็คิดช้าขึ้นทุกที ให้ edit ไป Ps มันนิ่งคิดจนเราสงสาร
บางวันเปิดโปรแกรมมันขอทำ back up ใช้เวลาร่วม 10 นาทีก็เคยครับ

[bulldogza]

ลองจัดการไฟล์ในคอมดูครับ

เพราะบางทีไฟล์ขยะในตอมมานเยอะทำให้เครื่องอืดได้ครับ

หุหุ ตอนนี้ PC ของผมเจ๋งไปและครับ

ต้องมาอาศัยโน๊ตบุ๊คแทน รอเก็บตังจากการขายภาพว่าจะ ถอยใหม่ซักเครื่องของแรงๆไปเลยครับ