4T2A0813 Edit

 

            สำหรับนักถ่ายภาพ หลาย ๆ คนคงเคยมีประสบการณ์คิดอยากจะถ่ายภาพบางอย่าง ประมาณว่ามีจินตนาการ มีความต้องการอยู่ในหัวแล้ว แต่มีเหตุผล มีปัจจัยอะไรสักอย่างหนึ่งทำให้ไม่ได้ถ่ายภาพนั้น แล้วมานั่งเสียดายภายหลัง โดยเฉพาะปัจจัยนั้นเกิดจากตัวเอง ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยจริง ๆ แล้วจะเสียดายมากเป็นพิเศษ ตอนนี้มาว่ากันถึงเรื่องวิธีคิดสำหรับการที่จะได้ภาพที่เราคิดอยากได้ คิดอยากถ่าย ซึ่งเป็นเทคนิคที่ไม่ใช่เทคนิคของการควบคุมกล้องหรือการแต่งภาพ แต่เป็นเทคนิคการคิดหรือวางแผน เพื่อการได้ภาพบางรูปแบบ บางเนื้อหาตามที่ต้องการ ซึ่งสำหรับผมคิดว่า มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการเรียนรู้เทคนิคการควบคุมและใช้งานกล้องในเชิงวิชาการ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามีโอกาสได้ภาพที่เราคิดอยากถ่ายมากยิ่งขึ้นครับ 

 เอาชนะความกลัว

            บ่อยครั้งที่เราไม่ได้ภาพที่เราคิดว่า น่าจะเป็นภาพที่ดีเนื่องมาจากสาเหตุคือ กลัว”  ที่จะลงมือถ่ายมัน ความกลัวในที่นี่ หมายถึงความกลัวอะไรก็ตามในสิ่งที่ต้องทำผิดแปลกไปจากปกติ เช่นกลัวผีกลัว ความมืด กลัวที่เปลี่ยว กลัวเปียก กลัวเปื้อน กลัวเหนื่อย ฯลฯ สารพัดที่เราจะกลัว ความกลัวบางอย่างก็มีเหตุผลที่ดีรองรับ เช่นกลัวโจรปล้นในสถานที่ที่สุ่มเสี่ยงเป็นต้น แต่บางอย่างก็เป็นเรื่องการคิดไปเอง หรือไม่ก็ให้ค่ากับความเสี่ยงที่มีอยู่ไม่มากให้กลายเป็นมากเกินไป  จนทำให้ไม่กล้าที่จะตัดสินใจลุยไปถ่ายภาพที่ตัวเองอยากถ่าย ผมเองเคยเป็นประเภทโน่นก็อยากถ่ายนี่ก็อยากถ่าย แต่กลัวนั่นกลัวนี่อยู่หลายปีเหมือนกัน นานๆ เข้ามันก็คาใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ทำไมเราจึงไม่กล้าตัดสินใจจะทำสิ่งที่เราอยากทำ ถ้าไม่คิดจะเสี่ยงบ้าง ก็ต้องติดค้างอยู่ในใจตลอด ว่าเมื่อไหร่จะได้ทำสิ่งที่อยากทำ ช่วงหลังๆ มานี้ผมจะประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับอันตรายจากการจี้ปล้นเป็นหลักเลย ถ้าที่ไหนคิดแล้วว่าความเสี่ยงด้านนี้มีน้อย ผมก็ลุยแหลก

 

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายในสถานที่และบรรยากาศที่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกกลัว

การถ่ายภาพคนเดียวในอุโมงค์รถไฟในสภาพแวดล้อมที่เป็นป่าเขา

ไม่ใช่สถานการณ์ที่ทุกคนจะกล้าออกไปถ่ายได้ทุกครั้ง

           มีสถานที่มากมายที่ผมไปยืนอยู่คนเดียวคนแรกตั้งแต่ตีห้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น  หรือไม่ก็กลับเป็นคนสุดท้ายหลังพระอาทิตย์ตก เคยเจอมาทั้งการไปเป็นลมวูบอยู่คนเดียวบนน้ำตก (ไม่ใช่ครั้งเดียวแต่เคยถึงสามแห่งด้วยกันเจอสุนัขเป็นฝูงไล่เห่าจนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ เดินออกไปตอนน้ำลงแล้วถ่ายภาพจนน้ำขึ้นไม่รู้ตัวกลับฝั่งแทบไม่ได้ ลื่นแล้วตกหลุมขาแทบหักเดินไม่ได้ต้องนั่งอยู่ในป่ากลางฝนปรอยๆ เป็นชั่วโมงในตอนใกล้ค่ำ เช่ามอร์เตอร์ไซค์ขับบนเกาะแล้วล้มเกือบตกเหว วางกระเป๋ากล้องแล้วไปถ่ายภาพกลับมางูยาวเป็นเมตรมานอนขดอยู่ข้างๆ กระเป๋า บึ่งรถจากที่พักในเมืองตั้งแต่ตีสี่ไปถ่ายภาพจุดชมวิวที่อยู่ไกลออกไปเป็นร้อยกิโลเมตร หรือไม่ก็ลุยผ่านป่าเขาที่แสนจะเปลี่ยวกลางสายหมอกในฤดูหนาว และเหตุการณ์อื่นๆ อีกมากมาย ยังไม่นับการต้องต่อสู้กับความกลัวและหวาดระแวงเมื่อต้องยืนอยู่สถานที่ห่างไกลผู้คนพร้อมอุปกรณ์ราคาแพงอีกเป็นชั่วโมงในความมืด อะดรีนาลีนหลั่งติดต่อกันเป็นท่อประปาแตกเลยทีเดียว แต่อาจจะเป็นโชคดีที่ผมผ่านทุกๆ เหตุการณ์มาได้โดยไม่เคยมีอะไรเข้าขั้นวิกฤติมากนัก อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ได้สนับนุนให้ใครเสี่ยงอันตรายโดยไม่จำเป็น เพียงแต่อยากบอกว่าบางสถานการณ์ เราอาจจะคิดมากไปกลัวเกินไป จนกลายเป็นการปิดโอกาสที่เราจะได้ภาพที่ใจเราเรียกร้องอยากจะถ่ายมันเท่านั้นเองครับ


ข้างทางในชนบทที่ทั้งเปลี่ยวและมืดอันตรายมีแน่

แต่ความอยากได้ภาพมีมากกว่า  ต้องเซ็ตค่ากล้องที่ต้องการให้เรียบร้อยบนรถ

แล้วรีบลงไปถ่ายภาพด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

ไม่จำเป็นต้องให้ทุกอย่าง Perfect ก่อนถ่าย

            ผมมีภาพจำนวนไม่น้อย ที่ถ่ายจากสถานการณ์ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าไม่ถ่ายดีกว่า เพราะว่าดูเหมือนจะไม่เอื้ออำนวยให้ได้ภาพดีๆ เช่นภาพท้องฟ้ายามรุ่งอรุณสีสวย ที่มีหมู่ตึกเงาดำเป็นฉากหน้า ถ่ายจากห้องพักในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นห้องพักที่หน้าต่างเป็นกระจกแบบไม่สามารถเปิดได้  กระจกที่ใช้เป็นแบบหนามาก และมีคราบสกปรกมากมายอยู่ด้านนอก ดูเผินๆ ไม่น่าจะถ่ายภาพออกมาแล้วดูดีได้ แต่ด้วยความที่องค์ประกอบทุกอย่างนอกหน้าต่างนั้น ดึงดูดให้ถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง เพราะดูแล้วน่าจะเป็นภาพที่สวย ดังนั้นเทคนิคการถ่ายโดยเอาเสื้อสีเข้มสุดเท่าที่มีอยู่ มาคลุมเลนส์จากนั้นกดหน้าเลนส์ให้แนบสนิทตั้งฉากกับกระจกเพื่อป้องกันแสงสะท้อนเท่าที่จะทำได้  ใช้รูรับแสงไม่แคบมาก เพื่อไม่ให้คราบสกปรกชัดขึ้น แล้วก็กดชัตเตอร์ ภาพต้นฉบับที่ได้ก็เป็นไปตามที่คาด คือมีร่องรอยของคราบเปื้อนอยู่บ้างพอมองเห็น แต่หลังจากที่ใช้โปรแกรม Photoshop ปรับ Curve ดูหลายๆ แบบแล้วก็ได้ภาพที่มีคุณภาพอยู่ในระดับพอใช้งานได้กับเขาเหมือนกัน

          *** โปรดทราบว่า เมื่อผมพูดถึง "มาตรฐาน" ในความหมายของผม

หมายถึงมาตรฐานงานภาพที่ใช้เป็น Stock Photo นำไปขายออนไลน์ได้เป็นหลักครับ

อาจจะไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานภาพในแนวอื่นๆ ได้ครับ***


 ถ่ายภาพผ่านกระจกที่ไม่สะอาด และมุมแทบจะไม่มี

ก็สามารถได้ภาพที่มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานได้

 

เพิ่มเวลาในราคาเท่าเดิม

            สถานที่บางแห่งจะมีบริการนำชมสถานที่ ซึ่งมักจะจัดเป็นแพ็คเกจสำเร็จรูปไว้แล้ว เช่นสวนส้มแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ มีบริการเปิดให้เข้าชมสวนด้วยการเก็บค่าผ่านประตู 20 บาท พร้อมบริการรถนำเที่ยวบริเวณสวน 1 รอบ ปกติสถานที่เอกชนที่มีการเก็บค่าเข้าชม มักจะเป็นสถานที่พิเศษที่ถ่ายภาพได้สวย แต่ระยะเวลาในการนำชมอาจจะสั้นเกินไปสำหรับการถ่ายภาพในระดับที่จริงจังกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป ผมลองถามเจ้าหน้าที่ว่าถ้าซื้อบัตรแล้วจะขอเดินชมสวนเองได้ไหม เขาตอบว่าไม่ขัดข้อง ดังนั้นแทนที่จะใช้เวลา 20 นาทีในการนั่งรถ 1 รอบ ผมก็เปลี่ยนบัตร 20 บาท เป็นเวลา 2 ชั่วโมงในการค่อยๆ เดินหามุมถ่ายภาพตามใจชอบ ได้ภาพมุมดีๆ มากมายที่ไม่สามารถหาได้หากว่านั่งรถชมสถานที่เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป เหนื่อยเพิ่มอีกหน่อย ร้อนเพิ่มอีกนิดแต่คุ้มค่าครับ ไม่จำเป็นต้องทำตามโปรแกรมที่ถูกกำหนดไว้ให้เสมอไป


ทำสิ่งที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไป เพิ่มเวลาให้ตัวเอง

จะได้ทำงานได้ละเอียดขึ้น

ได้มุมที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในโปรแกรมท่องเที่ยวสำเร็จรูป

ลงมือฉับพลัน

            วัตถุบางอย่างไม่สามารถรอได้ คิดจะถ่ายก็ต้องถ่ายตอนนั้นเลย หรือไม่ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อที่จะถ่ายมัน อย่างเช่นในร้านอาหาร ซึ่งอาหารบางอย่างจะคงรูปร่างที่สวยงามสมบูรณ์สำหรับการถ่ายภาพอยู่เพียงไม่นานเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนรูปร่างหรือรูปทรงไปเป็นอย่างอื่น ที่ถ่ายออกมาแล้วไม่สวยเหมือนตอนเริ่มแรก ความพร้อมของมุมมองและอุปกรณ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างเช่นผลไม้สีสวยบนน้ำแข็งไสถ้วยนี้ ระยะเวลาที่ดูสมบูรณ์ที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ จะมีอยู่เพียงไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเกล็ดน้ำแข็งด้านนอกก็จะละลาย ถ่ายออกมาแล้วไม่สวย การลงมือถ่ายภาพอย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ เทคนิคที่ผมใช้ในกรณีนี้ก็คือ ดูภาพจากเมนูให้ละเอียดก่อนสั่ง แล้วก็ประเมินว่าอาหารชนิดนั้นจะเปลี่ยนรูปทรงไปหรือไม่หลังจากยกมาเสิร์ฟแล้ว ก็จะสามารถกำหนดได้ว่าจะต้องลงมือช้าเร็วแค่ไหน


ภาพลักษณะนี้ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก ค่าการตั้งกล้องและองค์ประกอบต่างๆ 

ต้องชัดเจนอยู่ในความคิดก่อนลงมือเสมอ

           

มือไวเท่าความคิด

            จริงๆ แล้วไม่มีอะไรไวสู้ความคิดได้ แต่มือไวเท่าความคิด เป็นคำเปรียบเทียบให้เห็นว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันบางอย่าง การตัดสินใจเร็วในการถ่ายภาพ มักจะได้ภาพที่ดีกว่าการค่อยมานึกทำทีหลัง ตัวอย่างเช่นบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่กำลังนั่งทำงานในออฟฟิศ ได้ยินเสียงคนตะโกนกันโหวกเหวกอยู่ด้านนอกว่าไฟไหม้ ลองมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นกลุ่มควันสีดำลอยขึ้นมากจากโกดังเก็บสินค้าให้เช่า ที่อยู่ห่างออกไปราวๆ สองร้อยเมตร ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีในการตัดสินใจ คว้ากล้องเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปบนดาดฟ้าตึก 5 ชั้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการตัดสินใจที่ทันเหตุการณ์ ทำให้ได้ภาพที่อยู่ในจังหวะและมุมที่พอดี ในขณะที่คนส่วนใหญ่สมัครใจจะเป็นผู้ชมดูเหตุการณ์ในฐานะไทยมุงกันตามปกติ


ระลึกตัวเองไว้เสมอว่าเราเป็นคนถ่ายภาพ ทุกเหตุการณ์ที่พบเจอ

หากว่าไม่มีทางที่เราจะช่วยเหลืออะไรได้ในขณะนั้น

สิ่งที่เราต้องทำคือการถ่ายภาพ ไม่ใช่ผู้ชมเหตุการณ์เพียงอย่างเดียว

 

วัดใจกันไปเลย

            ได้ภาพที่ต้องการ หรือไม่ก็ไม่ได้อะไรเลย บางครั้งก็ต้องวัดใจแบบนี้ ส่วนมากใช้ในสถานการณ์ที่คาดเดาผลลัพธ์ไม่ได้ หรือไม่ก็มีเหตุผลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นครั้งหนึ่งไปเจอหมู่ดอกไม้สีสวย ตัดกับท้องฟ้าสีสด มีแมลงอยู่สี่ห้าตัวกำลังบินไปมากินน้ำหวานจากเกษรดอกไม้อยู่ หลังจากที่ไล่วนถ่ายจนเริ่มเหนื่อยแล้ว ก็ยังไม่ได้ภาพที่ถูกใจสักที เพราะแมลงเกาะดอกไม้แต่ละครั้งไม่นาน ก็บินไปอยู่จุดอื่นอีกแล้ว จัดองค์ประกอบไม่ได้ดังใจสักที สุดท้ายก็ต้องใช้วิธีวัดใจ เลือกตำแหน่งที่คิดว่าได้องค์ประกอบและฉากหลังดีที่สุด แล้วตั้งกล้องรอไว้แลย ถือโอกาสพักเหนื่อยไปในตัว กะว่าถ้าไม่มาลงที่ดอกนี้ก็เป็นอันว่า ไม่ต้องได้ภาพแล้วงานนี้ ห้านาทีผ่านไปก็มีมาเกาะอยู่สามสี่ครั้ง แต่ยังได้ภาพที่ไม่ตรงใจ ก็พยายามถ่ายไปเรื่อยๆ เกือบสิบนาทีก็ได้ผลครับ ได้ภาพคุ้มค่าที่รอคอยเป็นการวัดใจที่ได้ผลดีเป็นบวกอย่างน่าพอใจครับ


 ถ้ามีความอดทนมากพอก็มักจะได้ภาพที่ต้องการเสมอเป็นส่วนใหญ่

หนุมานคลุกฝุ่น

            ภาพที่ถ่ายจากมุมพิเศษ ก็มีโอกาสจะเป็นภาพที่ดูแตกต่างจากธรรมดา ดอกไม้มักจะดูดีเป็นพิเศษเมื่อถ่ายจากมุมที่ต่ำเป็นพิเศษแบบนี้ ด้วยความที่ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ที่มีลำต้นไม่สูงมากนัก หากต้องการถ่ายในมุมต่ำจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนอนหงายลงไปกับพื้น และเนื่องจากเป็นดอกไม้ที่พบในขณะเดินทางโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงไม่มีการเตรียมอุปกรณ์อะไรไปเป็นพิเศษ สำหรับงานนี้ดังนั้นถ้าไม่กล้าคลุกฝุ่น หรือมัวแต่ห่วงหล่ออยู่ ก็ย่อมจะมีโอกาสน้อยที่จะได้ภาพในลักษณะนี้ สำหรับผมแล้วไม่เป็นปัญหาแต่ประการใด ไม่ว่าเปื้อนฝุ่นเลอะโคลนโดนมดกัดหนามตำฯลฯ ผมย่อมทำได้เสมอ เพื่อให้ได้ภาพที่ต้องการ


 กล้าหามุมที่แตกต่าง ก็ย่อมได้ภาพที่ดูแตกต่างเช่นกัน

เบื้องหลังภาพจำนวนมาก คือความลำบาก และทำสิ่งที่ไม่ปกติของผู้ถ่ายภาพ

           

สอดส่ายสายตาอยู่เสมอ

            เวลาเดินทาง ถ้าไม่รีบร้อนทำเวลาเกินไป มีเวลาแบบสบายๆ อย่ามองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว ให้สอดส่ายสายตาออกไปซ้ายขวาหรือบริเวณรอบๆ เสมอ สิ่งที่ถ่ายภาพออกมาแล้วดูดี อาจจะอยู่ใกล้ๆ เพียงเปลี่ยนทิศทางสายตาไปไม่กี่องศาเท่านั้น ภาพร่องมันสำปะหลังที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสวยๆ รวมกันอย่างลงตัว เป็นผลงานของสายตาที่อยู่ไม่สุขมองสองข้างทางไปเรื่อยๆ นั่นเอง


ถ้าไม่คอยมองหาสิ่งที่น่าจะเป็นภาพที่ดีได้

ก็จะผ่านเลยไปทั้งๆที่มันก็อยู่ใกล้ๆเรานั่นเอง

 

ออกนอกเส้นทางหลัก

            บ่อยครั้งที่ภาพซึ่งเราต้องการ หรือกำลังมองหา จำเป็นต้องการอาศัยการออกนอกเส้นทางหลักไปสักเล็กน้อย จึงจะมองเห็นว่าอะไรถ่ายแล้วสวย สำหรับเวลาเช้าหรือเย็น ในช่วงเดินทาง หากพบเส้นทางรองที่เข้าไปไม่ลำบากมากนัก ลองใช้เวลาสักเล็กน้อยกับเส้นทางที่ว่านั้น ภาพเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่มีฉากหลังเป็นแสงของท้องฟ้าที่พระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว เส้นทางที่เห็นอยู่ด้านล่างของภาพ คือเส้นทางหลักที่ผมขับรถมา และลองเลี้ยวซ้ายออกมาจากทางหลักเพียงไม่มาก ก็จะพบมุมที่ถ่ายภาพออกมาได้สวยกว่าการมองหามุมถ่ายภาพบนทางหลักเพียงอย่างเดียว เทคนิคนี้เป็นสิ่งที่ผมใช้บ่อยครั้งมากในการถ่ายภาพระหว่างเดินทางทุกครั้ง และมักจะให้ผลที่ยอดเยี่ยมด้วยครับ


 ลองใช้เวลา 5-10 นาทีสำหรับ 1-2 ครั้งในการเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาออกนอกเส้นทางเป็นระยะสั้นๆ

ในขณะเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ท้องฟ้กำลังสวยในตอนเช้า หรือเย็นแล้ว จะพบสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเห็น

 

จัดระเบียบฉาก

            จัดระเบียบฉากในที่นี้ แตกต่างจากจัดฉากอยู่เล็กน้อย คำว่าจัดฉาก หมายถึงเราจัดเตรียมหรือจัดวางวัตถุสำหรับถ่ายภาพอย่างจงใจทั้งหมด อาจจะมีการวางแผนล่วงหน้าแล้วว่า จะมีการถ่ายอะไรอย่างไร แล้วก็จัดวัตถุต่างๆ ให้ออกมาตามความต้องการ เรียกว่าจัดฉาก แต่คำว่าจัดระเบียบฉากของผมนั้น หมายถึง วัตถุที่เราต้องการถ่าย มันมีอยู่ของมันเองอยู่แล้ว เราเพียงแต่ไปพบทีหลัง แต่ว่าอาจจะมีองค์ประกอบบางอย่างที่ยังไม่ลงตัวสมบูรณ์ตามที่เราต้องการ ก็อาจจะมีการปรับหรือขยับโน่นขยับนี่สักเล็กน้อย ก็จะได้ภาพที่สมบูรณ์ขึ้น น็อตกองนี้เดิมทีวางอยู่ตามปกติ ถ่ายภาพออกมาแล้วไม่ลงตัว ผมจึงจัดการวางตำแหน่งน็อตตัวเมียที่เป็นจุดเด่นสุดของภาพนี้เสียใหม่ สำหรับผมแบบนี้ไม่เรียกว่าจัดฉาก แต่เรียกว่าจัดระเบียบฉาก


 ไม่ชอบจัดฉากไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถึงแม้จะชอบถ่ายภาพสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง

ถ้าไม่ได้ทำให้อะไรเสียหาย การปรับเปลี่ยนสิ่งที่พบเห็นเล็กน้อย เพื่อให้ได้องค์ประกอบที่ดีขึ้น

ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ

ไปให้สุดข้อจำกัด

            ก่อนจะลงมือถ่ายภาพ ต้องมั่นใจว่าได้มองหรือตรวจสอบจนสุดข้อจำกัดที่เรามีก่อนแล้ว จึงค่อยจัดการถ่ายภาพ คำว่าข้อจำกัดในที่นี้มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น ผมไปเจอถนนสร้างใหม่เส้นหนึ่งที่ยังไม่เปิดใช้งาน ผมไม่รู้ว่าถนนเส้นนั้นจะไปสิ้นสุดตรงไหน หรือตัดผ่านอะไรบ้าง สิ่งที่ต้องทำคือขับรถไปตามเส้นทางนั้นจนสุดเส้นทาง หรือไม่ก็สุดระยะเวลาที่ผมมี เช่นผมมีเวลาเหลืออยู่หนึ่งราวๆ หนึ่งชั่วโมงก็จะใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีในการขับรถสำรวจไปเรื่อยๆ หมายตาจุดต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะเหมาะสม  ไปให้สุดถนน หากว่าไม่สุดถนนแต่ครบเวลา 20 นาทีที่มีแล้ว ก็จะเริ่มย้อนกลับแล้วก็ไล่ถ่ายภาพในจุดที่เล็งไว้ วิธีนี้จะมีโอกาสได้ภาพสวยกว่ารีบถ่ายโดยไม่สำรวจเสียก่อน


 สำรวจสิ่งที่จะถ่ายภาพให้ละเอียดก่อนเสมอ

ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเพียงดอกไม้เล็กๆ  หรือภูเขาทั้งลูกก็ตาม

 

ไปถึงคนแรก

            สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ไม่ใช่ที่ที่จะปลีกวิเวกไปแอบถ่ายภาพคนเดียวได้ง่ายๆ  เนื่องจากปริมาณผู้คนที่มหาศาล   ยกตัวอย่างน้ำตกทีลอซูในภาพประกอบนี้ก็ได้ ในช่วงฤดูท่องเที่ยวแต่จะวัน จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนมาเที่ยวน้ำตกแห่งนี้ เทคนิคที่จำเป็นก็คือการไปถึงเป็นคนแรกของวัน ชนิดต้องเดินปัดใยแมงมุมที่ขึงขวางอยู่พร้อมด้วยเม็ดน้ำค้างไปตลอดทาง บ่อยครั้งที่ผมไปสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแล้วจะต้องรีบคลานออกจากเต็นท์เป็นคนแรกเสมอ ไม่ว่าอากาศมันจะหนาวเหน็บหรือว่าอบอุ่นน่านอนขนาดไหน แล้วรีบจ้ำไปยังจุดถ่ายภาพโดยไม่สนใจแม้การล้างหน้าแปรงฟัน เรื่องพวกนั้นค่อยเดินสวนทางคนอื่นกลับมาจัดการ ภายหลังจากเมมโมรีการ์ดเต็มไปด้วยภาพที่ถ่ายโดยปราศจากผู้คนเรียบร้อยแล้ว


 ในฐานะนักถ่ายภาพ การไปปรากฏตัวในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม พร้อมๆ หรือ หลังนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ

เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเสมอ

กลับคนสุดท้าย

            สำหรับนักถ่ายภาพแนวธรรมชาติ ที่ไม่ใช่นักนิยมไพรสุดขั้ว  มีสถานที่ดีๆสวยๆ ไม่มากแห่งนักที่คุณจะมีโอกาสได้ถ่ายภาพโดยปราศจากผู้คน การไปถึงเป็นคนแรกนั้นเหมาะสำหรับบางสถานที่ แต่บางสถานที่ก็ไม่ได้สวยงามในตอนเช้า แต่มันจะสวยงามในตอนเย็น ดังนั้นเทคนิคที่ตรงกันข้ามก็คือ การพยายามกลับเป็นคนสุดท้าย สำหรับสถานที่แนวสวยงามตอนเย็นส่วนใหญ่แล้ว นักท่องเที่ยวปกติ เขาก็จะอยู่กันแค่ขอบสุดท้ายของพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาเท่านั้นเอง ก็หันหลังกลับทันที แต่นักถ่ายภาพที่จริงจังจะรู้ดีว่า โอกาสจะได้ภาพสวยสุดมันก็อยู่ตอนนี้แหละ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทนกับความวังเวงและความมืดที่วิ่งเข้ามาหาคุณอย่างรวดเร็วได้มากแค่ไหน


 ภาพนี้ถ่ายที่ผาตั้ง .เชียงราย หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

นักท่องเที่ยวจำนวนหลายสิบคน กลับลงไปหมดแล้ว แต่ความสวยงามของธรรมชาติยังคงอยู่

ผูกมิตร

            อย่าทำหน้าบึ้ง หรือเฉยเมยใส่คนอื่นเด็ดขาดในทุกกรณีในขณะถ่ายภาพนอกสถานที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่คุณไม่เคยไป แม้ว่าในมือคุณคือกล้องชุดละกว่าแสนบาท ก็อย่าทำเก๊กใส่คนถือกล้องราคาถูกๆ ที่มายืนถ่ายภาพอยู่ใกล้ๆ คุณ หรือยืนดูคุณถ่ายภาพ เพราะเขาอาจจะเป็นไกด์ท้องถิ่น หรือเป็นผู้ชำนาญเส้นทางในสถานที่เหล่านั้น ซึ่งจะบอกคุณได้ว่าจุดไหนบ้าง ที่คุณจะถ่ายภาพได้สวยที่สุด ผมได้บทเรียนนี้มาหลายครั้ง มิตรภาพในรอยยิ้มหรือคำพูดสั้นๆ สองสามคำ ให้สิ่งตอบแทนเป็นภาพเยี่ยมยอด ชนิดที่ผมไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่าจะได้ ดังนั้นอย่าลืมผูกมิตรกับทุกคน


 ภาพนี้ได้จากการยิ้มให้กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถือกล้องรุ่นเล็กๆ มายืนถ่ายภาพอยู่ใกล้ๆ

และทราบภายหลังว่า เขาคือไกด์ของทีมงานล่องแพท้องถิ่น

ซึ่งหลังจากนั้นก็พาผมไปยังจุดถ่ายภาพสวยๆ อีกหลายจุดที่คนทั่วไปไม่รู้

เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า

            การแก้หรือฉกฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ได้ดี เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่การเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าก็เป็นสิ่งที่เพิ่มโอกาสในการได้ภาพที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ข้อนี้ผมเน้นสำหรับการถ่ายภาพแนว Stock เป็นพิเศษสักข้อ ในขณะที่ข้ออื่นๆ ใช้ได้กับการถ่ายภาพทั่วไป การถ่ายภาพแนว Stock นั้นไม่ต้องการเครื่องหมาย สัญลักษณ์ โลโก้ ของสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ใดๆ อยู่ในภาพ การไปเที่ยวกับครอบครัวทุกครั้ง เพื่อให้ได้ประโยชน์และถอนทุนในการท่องเที่ยวคืนกลับมา  (จริงๆแล้วเป็นกำไรเสียด้วยซ้ำครับเราก็ต้องมีการเตรียมตัวกันเล็กน้อย ด้วยการจัดชุดเสื้อผ้าที่ปราศจากสิ่งที่เราไม่พึงปรารถนาติดไปด้วย และด้วยการเตรียมตัวแบบนี้ บรรดานางแบบนายแบบของผม ก็เที่ยวเล่นสนุกสนานกันไปตามปกติ ส่วนผมก็คอยเก็บภาพไปเรื่อยๆ จบการท่องเที่ยวพักผ่อนแบบ Happy Ending  กันทุกฝ่ายสบายจริงๆ ครับ


 ไม่ต้องจัดเตรียมอะไรให้อลังการงานสร้างเพียงแค่ พร็อบประกอบฉากเล็กน้อย

และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ที่เหลือคือมุมมองของเราเองในการเก็บภาพที่ต้องการ

 

ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก

            ข้อนี้ขอเอาพฤติกรรมที่หนุ่มๆ ส่วนหนึ่งเขาชอบใช้กันมาประยุกต์  เวลาไปถ่ายภาพสถานที่หนึ่งๆ นั้นส่วนใหญ่แล้วเวลาเท่าที่ได้อยู่ในสถานที่นั้นๆ ผมจะเอามาใช้ประโยชน์ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานที่ที่เราไม่ได้ไปกันบ่อยๆ หรือไปลำบาก มีโอกาสอยู่ที่นั่นกี่วัน ก็ต้องเทียวไปเทียวมาถ่ายภาพให้ทุกช่วงเวลาที่มีโอกาส ยิ่งถ้าไปครั้งแรกแล้วไม่ได้ภาพที่ถูกใจ ก็ยิ่งต้องหาเวลาไปถ่ายซ้ำ หรือถ่ายแก้ตัวให้ได้ จะกี่ครั้งกี่รอบก็ต้องไป จนกว่าจะหมดเวลาหรือโอกาสนั่นแหละ จึงจะเลิก สถานที่บางแห่ง ผมก็ไปตื๊อถ่ายอยู่ปีละครั้งสองครั้งอยู่ตั้งหลายปี จนกว่าจะได้ภาพถูกใจนั่นแหละจึงเลิกไป

            ยกตัวอย่างเทคนิคตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกครั้งล่าสุด ก็ทริปไปย่างกุ้งประเทศพม่าเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2556  ทริปนี้จริงๆ แล้วไม่ใช่ทริปถ่ายภาพ แต่เป็นทริปติดต่อธุรกิจ ไปทำงานครับ แต่ก็ติดกล้องพร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็นไปด้วยจำนวนหนึ่ง ตั้งใจไปจากเมืองไทยแล้วว่าจะหาโอกาสไปถ่ายภาพเจดีย์ชเวดากองให้ได้

            ครั้งแรกที่ไป เป็นช่วงค่ำ เนื่องจากคู่ค้าที่ติดต่องานพาไปเลี้ยงอาหารเย็น กว่าจะเสร็จก็ไปถึงเจดีย์ชเวดากองตอนเกือบสองทุ่มแล้ว ไฟที่องค์เจดีย์ก็สวยตามปกติครับ แต่ท้องฟ้าข้างหลังดำสนิทตามมาตรฐานกลางคืนทั่วไป ซึ่งไม่ใช่ภาพที่ต้องการตามที่คิดไว้ในใจ ไม่เป็นไรครับถือว่าสถานการณ์ไม่เป็นใจ ก็ถ่ายไปตามปกติ กลับโรงแรมนัดกินอาหารเช้ากับคนอื่นๆ ไว้ตอนเจ็ดโมงครึ่ง


 สองภาพนี้ ถ่ายช่วงค่ำของครั้งแรกไปสถานที่แห่งนี้

ฟ้าดำสนิทแบบนี้ ไม่ทำให้รู้สึกว่าได้ภาพที่สมบูรณ์แล้ว อาจจะดูได้มาตรฐานทั่วไป

แต่ก็ยังไม่ใช่ภาพที่คิดว่าอยากได้ ยังคิดว่า น่าจะได้ดีกว่านี้

 

            เช้าของอีกวันตื่นนอนตีสี่เลยครับ โรงแรมอยู่ห่างจากเจดีย์ประมาณหกร้อยเมตรเท่านั้น เดินไปถึงเจดีย์ประมาณตีห้า ก็ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังสีสวยกว่าเมื่อคืนอยู่พอสมควร ได้ภาพที่พอดูได้มาจำนวนหนึ่งในช่วงตีห้าครึ่ง  ถ่ายอยู่จนหกโมงเช้า ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆ ในลักษณะฟ้าเน่าที่เราเรียกกันทั่วไป

 

 ครั้งที่สองได้ภาพที่ดูพอใช้ได้ตอนเช้ามืดประมาณตีห้า

และได้ฟ้าที่ไม่สวยตอนสว่างประมาณหกโมงเช้า

 

            เช้าของอีกวัน คราวนี้ตื่นตีห้า เพราะเมื่อวานนี้รู้แล้วว่าฟ้าเริ่มมีแสงตอนตีห้าครึ่ง วันนี้ฟ้าตอนตีห้าครึ่งสู้เมื่อวานไม่ได้ แต่พอหลังหกโมงไปแล้ว ฟ้ากลับสวยงามมากชนิดที่เมื่อวานสู้ไม่ได้เลย สรุปว่า ผลของการตื๊ออยู่สามรอบ ก็จะได้ภาพจากสามช่วงแตกต่างกันครบถ้วนตามความต้องการ (อย่างน้อยก็ดีกว่าไปครั้งเดียวจบเป็นแน่แท้ถ้าใครถามว่าไปชเวดากองมากี่ครั้งแล้ว ผมก็จะตอบว่าสามครั้ง หากว่าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป ทุกอย่างก็คงจะจบตอนไปค่ำวันแรก ได้ชื่อว่าไปชเวดากองแล้วก็แล้วกันไป แต่มุมมองของคนถ่ายภาพนั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ตราบเท่าที่ยังมีโอกาส ก็ต้องตื๊อจนกว่าจะสำเร็จ หรือไม่มีโอกาสให้ตื๊ออีกต่อไป


 ครั้งที่สามฟ้าก็เห็นใจในความพยายาม

ได้ภาพที่แตกต่างจากสองครั้งแรกอยู่พอสมควร

ไม่ผิดหวังที่อุตส่าห์ตื๊อถ่ายอยู่ถึงสามรอบ