ผมขอกระทู้นี้รอบสองครับ
ผมว่าทุกๆ คนก็ถูกทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน แล้วแต่วิธีการที่เลือกให้เหมาะกับตัวเอง
ขอแสดงทัศคติส่วนตัวนะครับ ผิดถูกก็แลกเปลี่ยนกันได้ ไม่เคืองกันนะ
ที่ว่า คนเราทำงานหนักเพื่อหาเงินไว้รักษาตัวเพราะเจ็บป่วยจากการทำงาน หรือรักษาตัวตอนแก่ ก็มีจริงครับ ไม่เถียง
ผมก็เห็นมาเยอะ มุทำงานหนัก จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว มีจริงครับ ไม่เถียง
แต่ที่เยอะไม่แพ้กันก็คือ ตอนหนุ่มๆ สาวๆ เรี่ยวแรงยังดี ถนอมสุขภาพกันอย่างดี แข็งแรงมาก
ไม่ยอมทำอะไรลำบากตรากตรำ เป็นมนุษย์เงินเดือนก็แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นจบ ไม่ขวนขวายทำงานล่วงเวลา ทำหามรุ่งหามค่ำ ไม่ทำงานให้หนักกว่า ให้เด่นกว่าคนอื่น
ก็ค่อยๆ ขยับเงินเดือนไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ เฉื่อยๆ หาความสุขกับสายลมแสงแดดไปวันๆ ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ก้าวหน้า ไม่อัปเกรดตัวเอง
หรือเปิดร้านขายของ ก็ขายเอาพอกินไปเรื่อยๆ ไม่คิดขยับขยายให้มันใหญ่โตหรือก้าวหน้าขึ้น
ก็มีความสุขดีครับ มีเวลาพักผ่อนเยอะ สุขภาพแข็งแรงดี
แต่มันไม่มีอะไรเป็นหลักประกันครับ คนที่ทำแบบนี้ มีไม่น้อยที่สุดท้ายก็ลำบากหนักเข้าไปอีก
อยู่เกิดเป็นนั่นเป็นนี่ขึ้นมาหนัก รักษาตัวแป๊ปเดียวหมดหน้าตักแล้ว ชีวิตลำบากหนักกว่าคนป่วยที่รวยเพราะทำงานหนักตอนหนุ่มๆ เสียอีก
มีจริงครับ คนรอบๆ ตัวผมนี่แหละ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คนที่ผมรู้จักคนหนึ่ง เป็นนักฟุตบอลของทีมสโมสรรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เล่นบอลมาเป็นสิบๆ ปี ทั้งซ้อมทั้งแข่งตลอดเดือนตลอดปี
อยู่ๆ ก็มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดหัวใจ ต้องไปทำบายพาส ดีกว่าเบิกค่าใช้จ่ายได้ ไม่งั้นแกบอกว่า ฟื้นมาจากผ่าตัด ต้องเป็นลมตายตอนเห็นบิลค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอน
ในขณะที่คนแก่ที่รวยๆ อีกมาก ที่ทำงานหนักแบบสุดๆ มาตอนหนุ่มๆ ก็ไม่ใช่จะสุขภาพย่ำแย่กันทุกคนนะครับ แข็งแรงดีก็เยอะไป
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเพราะมีเงินทองไม่ขัดสน ไม่ต้องลำบากเหมือนคนแก่ที่ไม่มีเงินเก็บอีกจำนวนมาก
ดังนั้น มันไม่มีอะไรตายตัวแน่นอน มันไม่ใช่กฏ และไม่เคยมีกฏครับว่า ทำงานหนักแล้วต้องเอาเงินไปรักษาตัว
มันคือโอกาสความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง ถ้าเราคนหนุ่มๆ สาวๆ ไปยึดเป็นกฏว่า ทำงานหนักแล้วต้องเอาเงินไปรักษาตัวหมดภายหลัง ดังนั้น ไม่ทำดีกว่า กลัวป่วย
อันนั้นผมว่าชีวิตก็ตกอยู่ในความเสี่ยงเหมือนกัน
มีการกล่าวกันเรื่องทางสายกลาง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า อันนั้นพระองค์สอนจริงครับ
แต่ดูวัตรปฏิบัติของพระองค์หลังจากที่ตรัสรู้แล้วสิครับ
พุทธัตถจริยา คือ พระจริยาที่เป็นประโยชน์ตามหน้าที่เป็นพระพุทธเจ้า เช่น ทรงบำเพ็ญพุทธกิจประจำวัน ทรงบัญญัติพระวินัยเพื่อเป็นหลักปกครองสงฆ์ เป็นต้น
พุทธกิจ แปลว่า กิจวัตรของพระพุทธเจ้า หมายถึงกิจวัตรที่พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติประจำวันตลอดเวลาที่ดำรงพระชนม์อยู่
พุทธกิจ มี ๕ อย่าง คือ
๑. ตอนเช้า เสด็จออกบิณฑบาต โปรดสัตว์
๒. ตอนเย็น ทรงแสดงธรรมโปรดชาวบ้าน
๓. พลบค่ำ ทรงแนะนำสั่งสอนพระภิกษุ
๔. เที่ยงคืน ทรงสนทนาและตอบปัญหาเทวดา
๕. เช้ามืด ทรงตรวจดูผู้ที่สมควรที่จะเสด็จไปโปรด นี่คือทางสายกลางของผู้ที่รักที่จะทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเวลาของชีวิตอันจำกัดที่มีอยู่ครับ
นักปราชญ์ทางศาสนาบางท่านวิเคราะห์ไว้ว่า เหตุที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุเพียง 80 พรรษานั้น
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระองค์ทรงไม่เคยหยุดในการเผยแผ่คำสอน พระองค์ต้องการสอนคนให้มากที่สุด ทรงตรากตรำพระองค์เดินทางตลอดเวลา ไปเมืองนั้นเมืองนี้
เวลา 80 ปีของพระพุทธเจ้า มีค่ามากกว่าคนอายุ 120 ปีที่ใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อยไม่มีสาระแก่นสารมากนัก ผมคิดเช่นนั้น
ดังนั้น ทางสายกลาง หรือว่า จุดกลางๆ จึงขึ้นอยู่กับว่า เป้าหมายของคุณอยู่ที่ไหน เป้าหมายใกล้ จุดกลางของคุณก็ใกล้ เป้าหมายคุณไกล จุดกลางๆ ของคุณก็ไกลไปด้วย
ทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าสอนนั้น สังเกตให้ดี พระองค์เปรียบเทียบเจาะจงกับสายพิณ ตึงไปก็ไม่ไพเราะ หย่อนไปก็ไม่ไพเราะ
ความหมายก็คือ ต้องให้เหมาะกับสิ่งที่มาประกอบด้วย สายเอ็นประกอบกับตัวพิณ ต้องขึงให้พอดีกับพิณ มันจึงเป็นเสียงพิณที่ไพเราะ
เอาสายเอ็นไปขึงสะพานแขวนได้ไหม ก็ไม่ได้ ดังนั้น จะเอาทางสายกลางของสายพิณ ไปใช้กับสิ่งประกอบที่แตกต่างกันไม่ได้
"พอดี" คือพอดีกับสถานะของสิ่งนั้นๆ สายพิณ ก็ต้องพอดีกับหลักเกณฑ์ของการขึงสายพิณครับขอย้ำ
สถานะของพวกเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ทางสายกลางจึงไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ใช้กันไม่ได้ครับ ของใครของมัน
คำว่า สถานะ นี้ผมหมายถึง
สถานะความมุ่งมั่น สถานะของเป้าหมาย สถานะของความรับผิดชอบ สถานะของพื้นฐานร่างกายสุขภาพ สถานะของพื้นฐานความคิดวิธีคิด สถานะแห่งความพึงพอใจที่มากน้อยต่างกัน ฯลฯ
ขอสรุปว่า แต่ละคนต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า เราจะเอาอย่างไรกับการทำงานของเรา จริงๆ แล้วเราพอใจตรงจุดไหน
คนที่แข็งแรง หรือชอบทำงานหนักแล้วมีความสุข ก็อย่าไปเขวว่า เลิกดีกว่า เดี๋ยวทำแล้วจะแย่ต่อไปในอนาคต (มันไม่ใช่กฏครับ ผมขอยืนยัน)
ส่วนคนที่พอใจกับอะไรสบายๆ หรือร่างกายไม่ทนทาน มีโรคประจำตัว ก็อย่าไปเขวว่า ทำน้อยๆ แล้วดูไม่เท่ ต้องมุให้หนัก อันนี้ไม่ควร
ทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุขกันเถอะครับ
สุดท้าย ขอบอกว่าเป็นทัศนคติส่วนตัวครับ ใครบอกว่าผมคิดผิดโกรธตายเลย